วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

เกษตรทฤษฎีใหม่


เกษตรทฤษฎีใหม่

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เกษตรทฤษฎีใหม่


ความเป็นมา
       ปัญหาหลักของเกษตรกรในอดีตจนถึงปัจจุบันที่สำคัญประการหนึ่ง คือ  การขาดแคลนน้ำเพื่อเกษตรกรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตพื้นที่อาศัยน้ำฝน ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศที่อยู่ในเขตที่มีฝนค่อนข้างน้อยและส่วนมากเป็นนาข้าวและพืชไร่ เกษตรกรยังคงทำการเพาะปลูกได้ปีละครั้งในช่วงฤดูฝนเท่านั้น และมีความเสี่ยงกับความเสียหายอันเนื่องมาจากความแปรปรวนของดิน ฟ้า อากาศ และฝนทิ้งช่วง แม้ว่าจะมีการขุดบ่อหรือสระเก็บน้ำไว้ใช้บ้างแต่ก็ไม่มีขนาดแน่นอน หรือมีปัจจัยอื่นๆ ที่เป็นปัญหาให้มีน้ำใช้ไม่เพียงพอรวมทั้งระบบการปลูกพืชไม่มีหลักเกณฑ์ใดๆ และส่วนใหญ่ปลูกพืชชนิดเดียว
       ด้วยเหตุนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงได้พระราชทานพระราชทานพระราชดำริเพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบความยากลำบากดังกล่าวให้สามารถผ่านพ้นช่วงเวลาวิกฤต โดยเฉพาะการขาดแคลนน้ำได้โดยไม่เดือดร้อนและยากลำบากนักพระราชดำรินี้ ทรงเรียกว่าทฤษฎีใหม่ อันเป็นแนวทางหรือหลักการในการบริหารจัดการที่ดินและน้ำเพื่อการเกษตรในที่ดินขนาดเล็กให้เกิดประโยชน์สูงสุด

หลักการสำคัญของทฤษฎีใหม่
       การบริหารจัดการทรัพยากรโดยเฉพาะดินและน้ำที่อยู่จำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด  เพื่อให้การสามารถดำเนินชีวิตอยู่ได้อย่างพอเพียง โดยเน้นการพึ่งพาตนเองให้มากที่สุด
       เหตุเรียกว่า "ทฤษฎีใหม่"
       1.มีการบริหารและจัดแบ่งที่ดินขนาดเล็กออกเป็นสัดส่วนที่ชัดเจนเพื่อประโยชน์สูงสุดของเกษตรกร
       2.มีการคำนวณโดยหลักวิชาการ เกี่ยวกับปริมาณน้ำที่จะเก็บกักให้เพียงพอต่อการเพาะปลูกได้อย่างเหมาะสมตลอดปี
       3.มีการวางแผนที่สมบูรณ์แบบ ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน
       ขั้นตอนของทฤษฎีใหม่ การทำเกษตรทฤษฎีใหม่ มี 3 ขั้นตอน
      ขั้นที่ 1 เป็นการผลิตแบบพึ่งตนเองด้วยวิธีง่ายๆ ค่อยเป็นค่อยไปตามกำลังพอมีพอกินไม่อดอยาก
      ขั้นที่ 2 เกษตรกรรวมพลังกันในรูปกลุ่มหรือสหกรณ์ ร่วมแรงในเรื่องของการผลิต การตลาด การเป็นอยู่ สวัสดิการ การศึกษา สังคม และศาสนา
      ขั้นที่ 3 ร่วมมือกับแหล่งเงินและพลังงาน ตั้งและบริการโรงสี ตั้งและบริการร้านสหกรณ์ ช่วยกันลงทุน  ช่วยกันพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในชนบท ซึ่งมิใช่ทำอาชีพเกษตรเพียงอย่างเดียว
       -ขั้นที่ 1 เป็นการสร้างความพอเพียงในระดับครอบครัว
       -ขั้นที่ 2 และ 3 เป็นการสร้างความพอเพียงในระดับคุณภาพในระดับชุมชน

การจัดการในทฤษฎีใหม่
       การจัดสรรพื้นที่ในการทำเกษตรทฤษฎีขั้นที่ 1 ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญแบ่งออกเป็นเกษตรทฤษฎีใหม่อาศัยน้ำฝน และเกษตรทฤษฎีใหม่อาศัยน้ำชลประทาน (เติมน้ำได้)
 à¸œà¸¥à¸à¸²à¸£à¸„้นหารูปภาพสำหรับ เกษตรทฤษฎีใหม่

       เกษตรทฤษฎีใหม่อาศัยน้ำฝน การจัดสรรพื้นที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน  แบ่งออกเป็น 4 ส่วน ตามสัดส่วน 30 30 30 10
             ส่วนที่ 1 สระน้ำ 30 %
             ส่วนที่ 2 นาข้าว 30 %
             ส่วนที่ 3 พืชสวนพืชไร่  30 %
             ส่วนที่ 4 ที่อยู่อาศัย 10 %
       เงื่อนไข คือมีพื้นที่น้อย (ประมาณ 15 ไร่อยู่ในเขตเกษตรน้ำฝน ฝนตกไม่ชุก ปลูกข้าวเป็นพืชหลัก สภาพดินสามารถขุดสระเก็บกักน้ำได้ ฐานะค่อนข้างยากจนมีสมาชิกในครอบครัวปานกลางประมาณ 5-6 และไม่มีอาชีพหรือรายได้อื่นที่ดีกว่าในบริเวณใกล้เคียง
       เกษตรทฤษฎีใหม่อาศัยน้ำชลประทาน (เติมน้ำได้) การทำทฤษฎีใหม่สามารถยืดหยุ่นปรับสัดส่วนการใช้พื้นที่ให้มีความเหมาะสมตามสภาพพื้นที่  เช่น พื้นที่ภาคใต้ที่มีฝนตกชุกกว่าภาคอื่น หรือพื้นที่ที่มีแหล่งน้ำมาเติมได้หรือมีระบบชลประทานเข้าถึงสัดส่วนของสระน้ำอาจเล็กลง แล้วเพิ่มเติมพื้นที่ปลูกไม้ผล พืชไร่ พืชผักแทน
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เกษตรทฤษฎีใหม่

หลักการดำเนินการของการทำเกษตรทฤษฎีใหม่
       โดยหลักการของเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงคือ 
30 : 30 : 30 : 10 จากใน 100 ส่วนซึ่งก็คือ การแบ่งพื้นที่เพื่อใช้ประโยชน์ออกเป็น 4 ส่วน คือ 
       ส่วนที่หนึ่ง ให้ขุดสระกักเก็บน้ำจำนวน 30 % ของพื้นที่ทั้งหมดเนื่องจากการเกษตรจำเป็นต้องใช้น้ำ
       ส่วนที่สอง ให้ปลูกข้าวจำนวน 30 % ของพื้นที่เพราะครอบครัวต้องกินต้องใช้สำหรับเป็นแหล่งอาหาร 
       ส่วนที่สาม ให้ปลูกไม้ผลไม้ยืนต้น เก็บดอกผล ไว้กินไว้ขาย เสริมสร้างรายได้ส่วนหนึ่งอีกทาง
       ส่วนที่สี่ เป็นพื้นที่สำหรับใช้สร้างสิ่งปลูกสร้างเช่น ที่อยู่อาศัย โรงเรือน  เลี้ยง สัตว์ ฉางจำนวน 10 % ของพื้นที่ จำนวนสัดส่วนของพื้นที่นี้ทั้งหมดสามารถปรับเพิ่มหรือลดขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของสภาพพื้นที่ แต่ละแห่งได้ตามสะดวก


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เกษตรทฤษฎีใหม่

ประโยชน์ทฤษฎีใหม่

       จากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว ที่ได้พระราชทานในโอกาสต่างๆ นั้น พอสรุปประโยชน์ของทฤษฎีใหม่ได้ดังนี้
      1.ให้ประชาชนพออยู่พอกินสมควรแก่อัตภาพในระดับประหยัด ไม่อดอยากและเลี้ยงตนเองได้ตามหลักปรัชญา “ เศรษฐกิจพอเพียง”
       2.ในหน้าแล้งมีน้ำน้อย ก็สามารถเอาน้ำที่เก็บไว้ในสระ มาปลูกพืชผักเลี้ยงปลา หรือทำอะไรอื่นๆ ก็ได้แม้แต่ข้าว ก็ยังปลูกได้ ไม่ต้องเบียดเบียนชลประทานระบบใหญ่เพราะมีของตนเอง
       3.ในปีที่ฝนตกตามฤดูกาลโดยตลอดปี ทฤษฎีใหม่นี้ก็สามารถสร้างรายได้ให้ร่ำรวยขึ้นได้ ในกรณีที่เกิดอุทกภัย ก็สามารถจะฟื้นตัวและช่วยตัวเองได้ในระดับหนึ่ง โดยทางราชการไม่ต้องช่วยเหลือมากเกินไป อันเป็นการประหยัดงบประมาณด้วย
       4. ในกรณีที่เกิดอุทกภัย เกษตรกรสามารถที่จะฟื้นตัวและช่วยตัวเองได้ในระดับหนึ่ง โดยทางราชการไม่ต้องช่วยเหลือมากนัก ซึ่งเป็นการประหยัดงบประมาณด้วย


แปลงตัวอย่างการทำเกษตรทฤษฎีใหม่
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
       
       ตัวอย่างคือ มีที่นาอยู่ที่ 4 ไร่ จะแบ่งออกเป็น 4 ส่วน อาจจะได้ประมาณส่วนละ 1 ไร่ แต่ให้พิจารณาถึงความจำเป็นและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ด้วย หากพื้นที่โดยรอบแห้งแล้วกันดาร ให้เผื่อเนื้อที่ของการปลูกต้นไม้ยืนต้นและสระเก็บน้ำมากหน่อย เนื่องจากน้ำเป็นสิ่งจำเป็น และหากมีแต่น้ำแต่ผืนดินไม่ชุ่มชื้นเพราะขาดต้นไม้ให้ร่มเงา น้ำก็จะขาดแคลน การแบ่งพื้นที่ดังตัวอย่างมีดังนี้
  • พื้นที่ส่วนที่ 1 จำนวน 1.2 ไร่ ขุดสระกักเก็บน้ำจำนวน 2 สระ สามารถกักเก็บน้ำได้มาก เพียงพอต่อการนำน้ำมาใช้ในการทำการเกษตรได้ทั้งปีแต่การผันน้ำมาใช้นั้น หากพื้นที่กว้างใหญ่ เช่นมีเนื้อที่ประมาณ 12-13 ไร่ การขุดสระโดยใช้พื้นที่ถึง 3-4 ไร่นั้นยังคงต้องใช้เครื่องจักรกลในการสูบน้ำมาใช้ ทำให้สูญเสียพลังงานเชื้อเพลิงจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง ถ้าสามารถลดการใช้พลังงานลงได้ หรือหาพลังงานเชื้อเพลิงอื่นทดแทน หรือมีการวางแผนการใช้น้ำ เช่น หากพื้นที่มีระดับที่ต่างกันมาก สามารถวางท่อนำน้ำออกมาใช้โดยไม่ต้องใช้เครื่องสูบน้ำและน้ำมัน เป็นการจัดการทำให้ต้นทุนการเกษตรลดลงได้ในระยะยาว สำหรับพื้นที่เล็กๆ ประมาณ 1-2 ไร่ สามารถทำเป็นท้องร่องได้โดยกะให้กว้างพอประมาณไม่ให้แคบเกินไปเพราะเนื้อที่แคบน้ำจะขาดแคลน               
  • พื้นที่ส่วนที่ 2 ใช้พื้นที่ 1 ไร่ ใช้ปลูกข้าว การปลูกข้าวด้วยพื้นที่ 1 ไร่ควรใช้วิธีการดำนา หรือ การปลูกข้าวต้นเดียว เพราะจะให้ผลผลิตดี ปริมาณมากกว่าการปลูกข้าวแบบหว่านปกติ เนื่องจากการปักข้าวลงดินเองจะทำให้ข้าวมีผลผลิตดี การเตรียมดิน และปักดำโดยใช้ข้าวจ้าวหอมมะลิ 105 ทำการกำจัดวัชพืชในนาข้าว โดยการถอน และไถกลบ เริ่มแรกอาจมีการปลูกพืชตระกูลถั่วก่อนเนื่องจากถั่ว เป็นพืชที่ต้องการน้ำน้อย เจริญเติบโตเร็ว หลังเก็บเกี่ยวสามารถไถกลบและซังพืชจะเป็นปุ๋ยชั้นดีให้นาข้าว
  • พื้นที่ส่วนที่ 3 มีทั้งหมด 1.5 ไร่ ปลูกพืชแบบผสมผสาน โดยสามารถปลูกมะม่วงพันธุ์โชคอนันต์ ปลูกกล้วยน้ำว้า ปลูกพืชผัก ปลูกไม้ใช้สอย เช่น ต้นสัก ต้นไผ่รวก ไผ่ตง หรือ ต้นหวาย โดยทั้งนี้พื้นที่การปลูกอาจใช้พื้นที่ทั้งหมดที่เหลือโดยพื้นที่สำหรับปลูกสร้างบ้านเรือนก็สามารถปลูกคร่อมพื้นที่ส่วนที่ 3 ได้เช่นเดียวกัน
  • พื้นที่ส่วนที่ 4 นี้มีพื้นที่เหลือประมาณ 3 งาน สามารถใช้เป็นพื้นที่สำหรับสร้างที่อยู่อาศัยและคอกสัตว์เล็กๆ ใต้ถุนเรือน หรือผสมผสานในการปลูกบ้านเรือนยกสูงบนสระน้ำ ให้ใต้ถุนเป็นคอกเลี้ยงเป็ดไก่ หมู ติดกับสระน้ำ โดยในน้ำก็มีการเลี้ยงปลาดุกปลานิลผสมกัน เป็นแนวทางการเกษตรแบบพึ่งพาอาศัย

แหล่งที่มา

https://sites.google.com/site/doraemoninmyheart/karkestr-thvsdi-him
http://www.chaipat.or.th/2010-06-03-06-17-29.html
https://www.slideshare.net/intrapansuwan/ss-29901482?fbclid=IwAR3FKX4SqtMDD6o1XcSRDkTll5m5fEktv4F1RFt7h8yogGj-CvxeF0uSuqQ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น